ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 จัดไฟแนนซ์รถมือสองที่ไหนดี ถ้าพรุ่งนี้ไฟแนนซ์จะมายึดรถ เราค้างจ่ายมา 4เดือน หากท่านกำลังถูกไฟแนนซ์ขู่ยึดรถ ติดต่อเรามา
ไฟแนนซ์รถถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
จัดย้ายรีไฟแนนซ์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
สินเชื่อรถยนต์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
รีไฟแนนซ์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
ย้ายไฟแนนซ์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
ค้างค่างวดรถถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
รีไฟแนนซ์รถยนต์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
จํานําทะเบียนรถถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
จัดไฟแนนซ์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3



แล้วแต่จะเรียก แล้วแต่สถาบันการเงินนั้นๆ จะใช้ชื่อว่าอะไร ในกรณีนี้ ทางเราขอเรียนกว่า รีไฟแนนซ์รถยนต์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งสามารถอธิบายขั้นตอน คร่าวๆ ได้ด้งนี้

1.รถท่านติดภาระ กับไฟแนนซ์ไหน ให้โทรเข้าไปสอบถาม ถึงยอดปิดบัญชี ว่าต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไร ขอส่วนลดด้วยนะครับเพราะ ตามกฏหมาย ทางไฟแนนซ์ กรณีที่เราปิดบัญชีก่อน ครบอายุสัญญาเช่าซื้อ ต้องลดดอกเบี้ย ที่เหลืออยู่ให้เราครึ่งหนึ่งครับ
ปิดบัญชีไฟแนนซ์รถยนต์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
รถค้างค่างวดถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
รับปิดบัญชีรถยนต์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3จัดไฟแนนซ์รถมือสองที่ไหนดี
ขายรถมือสองจัดไฟแนนซ์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
ไฟแนนซ์ซื้อรถมือสองถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
หากใครมีญาติพี่น้องหรือคนรู้จักกำลังเดือดร้อนโดน ไฟแนนซ์ยึดรถไปแล้ว เราช่วยไถ่ถอนรถให้คุณได้.
เราบริการไถ่ถอนรถยึดถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 ขั้นตอนง่ายๆเพียงโทรหาเรา ไม่ยุ่งยากค่ะ จะได้รถคืนไปใช้เหมือนเดิม (แจ้งรายละเอียดรถ รุ่นรถ ปีรถ ยอดเงินปิดบัญชี). >>
นอกจากนั้นเรายังบริการรี โอนย้าย ไฟแนนซ์รถยนต์มือสองถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 รับปิดบัญชีรถยนต์ ไม่เช็คเครดิต
ย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 ไม่เช็ค Blacklist ให้ยอดจัดสูง
ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 สินเชื่อเพื่อคนมีรถให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ต้องการเงินสดรถคุณช่วยได้ อนุมัติเร็ว
ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 รถติดไฟแนนซ์เปลี่ยนเป็นเงินได้มีเจ้าหน้าที่การตลาดบริการ ทำสัญญาถึงที่ สะดวกรวดเร็ว
รับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 หลายประเภท รถบ้าน รถ รถ 4-6 ล้อ รถ 10 ล้อ
รับย้ายไฟแนนซ์ รับปิดบัญชี รับไถ่รถยึดถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3 ให้ยอดจัดสูง จนคุณพอใจ ดอกเบี้ยต่ำสุด
7 เทคนิค รับมือไฟแนนซ์ เมื่อท่านกำลังถูกยึดรถ
1. สิ่งที่ไฟแนนซ์มักจะข่มขู่ คือ ให้เรารับผิดชอบค่าติดตามยึดรถ ค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล โดยมักข่มขู่ ให้ผู้เช่าซื้อเป็นผู้รับผิดชอบ โดยอ้างตัวเลขจำนวนสูง และเราควรรู้ไว้ด้วยว่าไฟแนนซ์ไม่สามารถเรียกค่าใช้ จ่ายดังกล่าวได้ตามอำเภอใจ การค่าเสียหายเรียกได้ตามค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ดังนั้นผู้เช่าซื้ออย่าวิตก
2. การเข้ายึดรถผู้เช่าซื้อจะต้องค้างชำระค่าเช่าซื้อ 3 งวดติดต่อ กัน ก่อนยึดรถอีก 1 เดือน รวมเป็น 4 เดือน ไฟแนนซ์จึงจะสามารถยึดรถได้ แต่ถ้าไฟแนนซ์ยึดรถก่อนหน้านี้จะมีความ ผิดตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องสัญญา ดังนั้นถ้าไฟแนนซ์มายึดรถก่อนกำหนดเวลาดังกล่าว ผู้เช่าซื้อต้องอย่ายอมให้ยึดรถและให้เรียกตำรวจมาเป็นพยาน
3. การยึดรถถ้าผู้เช่าซื้อไม่ยินยอมให้ยึดรถ ไฟแนนซ์จะยึดรถไม่ได้ ถ้ามีการบังคับขู่เข็ญหรือไล่ให้ผู้เช่าซื้อลงจากรถหรือกระชากกุญแจรถ ไป หรือเอากุญแจสำรองมาเปิดรถและขับหนีไป การกระทำดังกล่าวมีความผิดต่อ เสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 และถ้ากระทำการโดยมีอาวุธหรือร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะฉะนั้นถ้ามีคนกระทำการดังกล่าวให้ถ่าย รูปหรือบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งความดำเนินคดีอาญา หรือให้ทนาย ฟ้องศาลได้เลย
4. เมื่อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ไม่ควรให้ไฟแนนซ์ยึดรถ ยืนยันได้เลยว่าไม่ควรให้ไฟแนนซ์ยึดรถไม่ว่าในกรณีใดๆ เพราะถ้าถูกยึดรถแล้วเราก็จะหมดอำนาจต่อรอง และหลังจากยึดรถไปแล้วไฟแนนซ์จะ นำรถของเราไปขายทอดตลาดในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดมาก แถมเมื่อได้เงินมาไม่ เพียงพอกับค่าเช่าซื้อที่เราค้างชำระ ไฟแนนซ์ก็จะเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้จากเรา แต่ถ้ารถยังอยู่ในความครอบครองของเรา เรายังสามารถใช้ประโยชน์ในทรัพย์ได้ (พูดง่ายๆ ก็คือใช้รถหาเงินได้อยู่นั่นเอง) และยังมีอำนาจต่อรองกับไฟแนนซ์อยู่
5. ในกรณีที่เราถูกยึดรถและไฟแนนซ์มีหนังสือแจ้งให้ชำระหนี้ส่วนที่ เหลือ อย่าตกใจให้หาทนายสู้คดี โดยทั่วไปค่าเสียหายของไฟแนนซ์มักจะสูงเวอร์ สุดๆ ยกตัวอย่างเช่น เรียกมา 1,000,000 บาท ศาลมักจะพิพากษาให้ชดใช้เพียง 500,000 บาทหรือ 300,000 บาท เท่านั้น
6. เมื่อแพ้คดีไฟแนนซ์จะต้องทำตัวอย่างไร ถ้าเรามีทรัพย์สินถือครอบครองในนามลูกหนี้เราจะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด ถ้า ไม่มีทรัพย์สินถือครอบครองในนามลูกหนี้ แต่ถือครอบครองในนามญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ไฟแนนซ์ก็ไม่สามารถยึดทรัพย์ของคนอื่น ซึ่งมิใช่ลูกหนี้ ได้ ดังนั้นถ้ามีไฟแนนซ์มาข่มขู่ว่าลูกหนี้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของใคร จะยึด ทรัพย์เจ้าของบ้าน ตอบได้เลยว่าไม่ต้องกลัวเพราะตามกฎหมายไม่สามารถยึดได้
7. ถ้าไม่มีเงินจ่ายไฟแนนซ์จะติดคุกหรือไม่สามารถตอบได้เลยว่า ไม่ติดคุกเนื่องจากเป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา
สุดท้ายการเป็นหนี้ไฟแนนซ์ ไม่ต้องลาออกจากงาน เพราะไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน การเป็นหนี้สิน เป็นเรื่องส่วน ตัว ไฟแนนซ์นำเรื่องส่วนตัวไปประจานให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาของ ลูกหนี้รับรู้ไม่ได้ ถือว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาท (เรายังสามารถฟ้องได้อีก) แต่ถึงยังไงข้อมูลเหล่านี้ให้รู้เอาไว้เพื่อที่เราจะได้ไม่โดนข่มขู่จนหลง เชื่อ และเสียเปรียบ แต่อย่าเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควรครับ
Refinance คืออะไร (ทำไมต้องทำ, ต้องทำเมื่อไร, ควรทำไหม)
สำหรับคนมี บ้าน ที่ผ่อนหมดแล้วหรือยังผ่อนชำระเงินกู้ไม่หมด เชื่อว่าหลายคนคงได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือจากคนรอบข้างให้ทำการ ‘รีไฟแนนซ์บ้าน’ กันมาบ้าง แน่นอนว่าหากเป็นคนที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้าน พอได้ฟังคำนี้แล้วก็อาจปฏิเสธในทันที เพราะเข้าใจว่าเป็นการสร้างภาระหนี้เพิ่มหรือต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังต้องไปติดต่อกับธนาคารเดิมและธนาคารเพื่อขอสินเชื่อใหม่ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยากในการเตรียมเอกสารและต้องเสียเวลาดำเนินการหลายวัน ทำให้ตัดสินใจไม่รีไฟแนนซ์บ้านและยังทนชำระค่าผ่อน บ้าน ในจำนวนเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามเงื่อนไขของธนาคารต่อไป ซึ่งเป็นการเสียเงินโดยไม่จำเป็น ดังนั้นวันนี้เราจึงมีความหมายและประโยชน์ของการรีไฟแนนท์บ้านมาฝาก รับรองว่าถ้ารู้แล้วหลายคนอาจเปลี่ยนใจรีบเอา บ้าน ไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารแน่ ๆ เมื่ออ่านบทความนี้จบ
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการรีไฟแนนซ์บ้านไม่ใช่การเพิ่มหนี้ แต่เป็นการขอกู้เงินสินเชื่อ บ้าน กับธนาคารใหม่หรือธนาคารเดิมเพื่อนำเงินไปปิดชำระยอดหนี้เพื่อทำให้สัญญาการกู้เงินฉบับเดิมสิ้นสุดลง โดยจุดประสงค์หลักของการรีไฟแนนซ์บ้านคือ ต้องการเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาที่ทำไว้กับธนาคารเดิมให้มีความเหมาะสมกับสภาพคล่องทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อมากยิ่งขึ้น เช่น ต้องการเพิ่มระยะเวลาผ่อนชำระเพิ่มมากขึ้น , ต้องการชำระเงินกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำลงกว่าสัญญาเดิม หรือต้องการส่วนต่างของวงเงินกู้มาใช้ประโยชน์ เช่น ปิดหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าร้อยละ 25-28 ต่อปี หรือนำเงินส่วนต่างมาขยายธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถนำ บ้าน ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น คฤหาสน์หรู บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และ คอนโด เพื่อยื่นขอรีไฟแนนซ์ได้
โดยส่วนใหญ่การรีไฟแนนซ์บ้านมักนิยมทำหลังจากผ่านการผ่อนชำระค่าผ่อนชำระสินเชื่อไปแล้วประมาณ 3 ปี เนื่องจากตอนทำสัญญาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ปกติธนาคารมักมีโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 1 – 3 ปี (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด) แต่หลังจากนั้นธนาคารส่วนใหญ่มักปล่อยอัตราดอกเบี้ยเป็นไปแบบลอยตัว (MLR) หรือ แบบลอยตัวแต่มีส่วนลด (MLR-) ซึ่งค่า Minimum Loan Rate หรือ MLR ของแต่ละธนาคารจะไม่เท่ากัน แต่ถึงอย่างนั้นบางคนอาจรีไฟแนนซ์บ้านไม่ได้หลังจากผ่อนชำระไปแล้ว 3 ปี เพราะติดเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้เดิมที่ระบุว่า ผู้ขอสินเชื่อสินเชื่อต้องเสียค่าปรับหากรีไฟแนนซ์บ้านก่อนกำหนดที่มีในสัญญา โดยบางสถาบันอาจระบุระยะเวลาไว้นาน 5-7 ปี ซึ่งมักมาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกเป็นพิเศษตอนทำสัญญากู้สินเชื่อหรือจูงใจด้วยการฟรีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการต่าง ๆ อย่างไรก็ตามในแต่ละปีทุกธนาคารจะแข่งขันกันออกโปรโมชั่นลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อจูงใจลูกค้าในการนำ บ้าน เข้ามารีไฟแนนซ์กับธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับลูกค้าเพราะสามารถเลือกธนาคารที่ให้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่ามากที่สุดได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การพิจารณาสินเชื่อที่เหมาะสมจึงเป็นหัวใจสำคัญของการรีไฟแนนซ์บ้าน
ซึ่งการเลือกสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บ้านนั้นควรพิจารณาจากวงเงินที่ธนาคารอนุมัติ ทั่วไปมักปล่อยวงเงินกู้ตั้งแต่ร้อยละ 90 – 100 ของราคาประเมิน บ้าน หรือมากกว่ายอดหนี้เดิมเพื่อให้เหลือส่วนต่างหลังจากปิดยอดหนี้ของสัญญาเงินกู้เดิมที่ทำไว้ และควรมีอัตราดอกเบี้ยต่ำลงกว่าเดิม โดยมีการคิดทั้งแบบลอยตัว แบบคงที่ และแบบผสม หรือแบบปรับคงที่ตามรอบเวลา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคาร รวมถึงยังให้เวลาผ่อนชำระสินเชื่อเงินกู้นานสูงสุดนานถึง 30-35 ปี แต่ระยะเวลากู้เงินรวมกับอายุของสินเชื่อต้องไม่เกิน 65 ปี อย่างไรก็ตามผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านต้องตรวจสอบสัญญาเดิมก่อนว่าสามารถปิดสัญญากู้สินเชื่อเดิมได้หรือไม่ เพราะหากยังไม่ถึงกำหนดเวลาที่ทำได้ อาจต้องเสียค่าปรับเพิ่ม ทำให้การรีไฟแนนซ์บ้านอาจไม่คุ้มค่า ดังนั้นอาจต้องรอจนพ้นกำหนดของเงื่อนไขเดิมเสียก่อนจึงจะขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารได้
ในส่วนของประโยชน์หลัก ๆ ที่ผู้ขอสินเชื่อจะได้รับหลังจากการขอรีไฟแนนซ์บ้านคือ ผู้ขอสินเชื่อจ่ายค่าผ่อนชำระรวมอัตราดอกเบี้ยต่อเดือนน้อยลง โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถปรับจำนวนเงินชำระต่องวดและจำนวนปีที่ต้องผ่อนชำระให้เหมาะสมกับความสามารถทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตัวอย่างเช่น หากยอดหนี้ในการผ่อน บ้าน กับธนาคารเดิมคงเหลือ 4,000,000 บาท รวมระยะเวลาผ่อน 25 ปี ต้องจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 4,328,865 บาท รวมแล้วต้องชำระยอดรวมค่า บ้าน ทั้งสิ้น 8,328,865 บาท ที่อัตราดอกเบี้ยที่ 6.8% แต่หากนำ บ้าน เข้ามารีไฟแนนซ์ที่คิดอัตราดอกเบี้ย 3.75% จะทำให้เหลือเงินที่ต้องผ่อนชำระเพียง 6,169,575 บาท ทั้งยังช่วยย่นระยะเวลาการส่งงวดลงได้ด้วย เรียกว่าลดทั้งดอกเบี้ยและลดทั้งจำนวนปีไปพร้อมกัน เป็นการช่วยให้ผู้กู้สินเชื่อมีสภาพคล่องทางการเงินมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังได้วงเงินเพิ่มจากเดิม เหลือเงินก้อนใหญ่เก็บไว้ใช้ประโยชน์ในยามเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้นในครอบครัวอีกด้วย
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลดี ๆ ของการรีไฟแนนซ์บ้านที่นำเรามาฝาก จะเห็นว่าการรีไฟแนนซ์บ้านไม่ได้เป็นการเพิ่มหนี้แต่เป็นช่วยทำให้ภาระหนี้น้อยลง ดังนั้นหากใครผ่อน บ้าน หรือ คอนโด ได้เกิน 3 ปี และไม่ติดเงื่อนไขใดๆ กับธนาคาร แนะนำให้นำไปบ้านไปรีไฟแนนซ์กับธนาคาร แต่อย่าลืมพิจารณาเงื่อนไขของสัญญาเดิมและสัญญาใหม่ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดในการรีไฟแนนซ์บ้าน
ย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ ทำยังไง และย้ายไปที่ไหนดี ?
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์
1. ก่อนที่คุณจะทำการปิดบัญชีสินเชื่อเดิม เพื่อนำรถไปทำการขอสินเชื่อใหม่ (รีไฟแนนซ์) คุณจะต้องคำนวณว่า ดอกเบี้ยคงเหลือตามสัญญากู้เดิม เมื่อนำมาหักส่วนต่างกับดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นจากการกู้ใหม่ ถือว่าคุ้มค่าหรือไม่
2. เมื่อคุณมั่นใจแล้วว่า สามารถวางแผนในการผ่อนชำระค่างวด ได้จนครบสัญญา คุณก็สามารถติดต่อกับธนาคารต่างๆ ได้ทันที ทุกวันทำการ ไม่ว่าคุณจะทำการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินเดิม หรือสถาบันการเงินใหม่ คุณก็สามารถเจรจาต่อรองเพื่อขออัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือเรียกร้องข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้นั่นเอง
3. หากคุณต้องการปิดยอดบัญชีจากสถาบันการเงินที่กู้เดิม ว่าต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไร คุณจะต้องขอส่วนลดด้วย เพราะตามกฎหมาย ทางไฟแนนซ์ กรณีที่คุณสามารถปิดบัญชีก่อน ครบอายุสัญญาเช่าซื้อ ต้องลดดอกเบี้ย ที่เหลืออยู่ให้ครึ่งหนึ่ง
4. หลังจากทราบยอดแล้ว คุณสามารถสอบถามยอดรีไฟแนนซ์กับทางสถาบันการเงินแห่งใหม่ เพื่อเปรียบเทียบยอดรีไฟแนนซ์ที่ได้ หัก ยอดบัญชีที่สถาบันการเงินไฟแนนซ์เดิม หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ถ้ามีเงินเหลือคุณก็สามารถทำได้ หรือถ้ายอดไม่พอ ขาดเล็กน้อย คุณอาจจะเพิ่มเข้าไปได้เช่นเดียวกัน แต่คุณจะต้องลองเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่ได้รับก่อน
5. หากคุณต้องการทำรีไฟแนนซ์ คุณจะต้องส่งเอกสารเบื้องต้นเกี่ยวกับรายได้ว่าต้องมีบุคคลค้ำประกันหรือไม่ ให้กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ เพื่อให้ระบบตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเครดิตบูโรของคุณ เป็นตัวช่วยในการอนุมัติสินเชื่อ เมื่อทราบผล คุณจะได้รับทำการปิดบัญชีและรับเงินส่วนที่เหลือจากสถาบันการเงินใหม่ทันทีในวันนั้น โดยไม่ต้องรอเล่มออกมาจากไฟแนนซ์เดิม
6. เมื่อคุณได้รับเล่มมาแล้ว คุณจะได้ส่งให้กับสถาบันการเงินใหม่ เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอน จากนั้นสถาบันการเงินใหม่จะโทรหาคุณเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการผ่อนชำระหนี้ต่อไป ในการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้ ก็ถือว่าสิ้นสุด

ปิดบัญชีไฟแนนซ์ถนนพระรามที่ 4 ถนนพระรามที่ 3
ถนนพระรามที่ 4 (อักษรโรมัน: Thanon Rama IV) เป็นถนนในกรุงเทพมหานคร เริ่มตั้งแต่ทางแยกหมอมี (แยกจากถนนเจริญกรุง) ข้ามคลองผดุงกรุงเกษมที่สะพานเจริญสวัสดิ์
ผ่านสถานีหัวลำโพง สามย่าน ไปบรรจบถนนสุขุมวิท
ถนนพระรามที่ 3 (อักษรโรมัน: Thanon Rama III) เป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร มีระยะทางเริ่มตั้งแต่สะพานกรุงเทพในพื้นที่แขวงบางคอแหลม
เขตบางคอแหลม ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตัดกับถนนเจริญกรุง (แยกถนนตก) ข้ามคลองวัดจันทร์ในเข้าสู่พื้นที่แขวงบางโคล่ ไปทางทิศตะวันออก ตัดกับถนนเจริญราษฎร์
(แยกเจริญราษฎร์) ข้ามคลองบางมะนาว ตัดกับถนนรัชดาภิเษก (แยกพระรามที่ 3-รัชดา)