ลพบุรี จัดไฟแนนซ์รถมือสองที่ไหนดี ถ้าพรุ่งนี้ไฟแนนซ์จะมายึดรถ เราค้างจ่ายมา 4เดือน หากท่านกำลังถูกไฟแนนซ์ขู่ยึดรถ ติดต่อเรามา
ไฟแนนซ์รถลพบุรี
จัดย้ายรีไฟแนนซ์ลพบุรี
สินเชื่อรถยนต์ลพบุรี
รีไฟแนนซ์ลพบุรี
ย้ายไฟแนนซ์ลพบุรี
ค้างค่างวดรถลพบุรี
รีไฟแนนซ์รถยนต์ลพบุรี
จํานําทะเบียนรถลพบุรี
กรณีที่รถติดภาระในการผ่อนไฟแนนซ์อยู่ (จำนำรถอยู่,ผ่อนรถแลกเงินลพบุรี ,อื่นๆ) อยากนำรถมาขอสินเชื่อ(รถแลกเงินลพบุรี ,กรุงไทย ออโต้ลีส ,สินเชื่อทะเบียนรถ,)
แล้วแต่จะเรียก แล้วแต่สถาบันการเงินนั้นๆ จะใช้ชื่อว่าอะไร ในกรณีนี้ ทางเราขอเรียนกว่า รีไฟแนนซ์รถยนต์ลพบุรี ซึ่งสามารถอธิบายขั้นตอน คร่าวๆ ได้ด้งนี้

1.รถท่านติดภาระ กับไฟแนนซ์ไหน ให้โทรเข้าไปสอบถาม ถึงยอดปิดบัญชี ว่าต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไร ขอส่วนลดด้วยนะครับเพราะ ตามกฏหมาย ทางไฟแนนซ์ กรณีที่เราปิดบัญชีก่อน ครบอายุสัญญาเช่าซื้อ ต้องลดดอกเบี้ย ที่เหลืออยู่ให้เราครึ่งหนึ่งครับ
ปิดบัญชีไฟแนนซ์รถยนต์ลพบุรี
รถค้างค่างวดลพบุรี
รับปิดบัญชีรถยนต์ลพบุรี
ลพบุรีจัดไฟแนนซ์รถมือสองที่ไหนดี
ขายรถมือสองจัดไฟแนนซ์ลพบุรี
ไฟแนนซ์ซื้อรถมือสองลพบุรี
หากใครมีญาติพี่น้องหรือคนรู้จักกำลังเดือดร้อนโดน ไฟแนนซ์ยึดรถไปแล้ว เราช่วยไถ่ถอนรถให้คุณได้.
เราบริการไถ่ถอนรถยึดลพบุรี ขั้นตอนง่ายๆเพียงโทรหาเรา ไม่ยุ่งยากค่ะ จะได้รถคืนไปใช้เหมือนเดิม (แจ้งรายละเอียดรถ รุ่นรถ ปีรถ ยอดเงินปิดบัญชี). >>
นอกจากนั้นเรายังบริการรี โอนย้าย ไฟแนนซ์รถยนต์มือสองลพบุรี รับปิดบัญชีรถยนต์ ไม่เช็คเครดิต
ย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ลพบุรี ไม่เช็ค Blacklist ให้ยอดจัดสูง
ลพบุรี สินเชื่อเพื่อคนมีรถให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ต้องการเงินสดรถคุณช่วยได้ อนุมัติเร็ว
ลพบุรี รถติดไฟแนนซ์เปลี่ยนเป็นเงินได้มีเจ้าหน้าที่การตลาดบริการ ทำสัญญาถึงที่ สะดวกรวดเร็ว
รับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ลพบุรี หลายประเภท รถบ้าน รถ รถ 4-6 ล้อ รถ 10 ล้อ
รับย้ายไฟแนนซ์ รับปิดบัญชี รับไถ่รถยึดลพบุรี ให้ยอดจัดสูง จนคุณพอใจ ดอกเบี้ยต่ำสุด
7 เทคนิค รับมือไฟแนนซ์ เมื่อท่านกำลังถูกยึดรถ
1. สิ่งที่ไฟแนนซ์มักจะข่มขู่ คือ ให้เรารับผิดชอบค่าติดตามยึดรถ ค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล โดยมักข่มขู่ ให้ผู้เช่าซื้อเป็นผู้รับผิดชอบ โดยอ้างตัวเลขจำนวนสูง และเราควรรู้ไว้ด้วยว่าไฟแนนซ์ไม่สามารถเรียกค่าใช้ จ่ายดังกล่าวได้ตามอำเภอใจ การค่าเสียหายเรียกได้ตามค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ดังนั้นผู้เช่าซื้ออย่าวิตก
2. การเข้ายึดรถผู้เช่าซื้อจะต้องค้างชำระค่าเช่าซื้อ 3 งวดติดต่อ กัน ก่อนยึดรถอีก 1 เดือน รวมเป็น 4 เดือน ไฟแนนซ์จึงจะสามารถยึดรถได้ แต่ถ้าไฟแนนซ์ยึดรถก่อนหน้านี้จะมีความ ผิดตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องสัญญา ดังนั้นถ้าไฟแนนซ์มายึดรถก่อนกำหนดเวลาดังกล่าว ผู้เช่าซื้อต้องอย่ายอมให้ยึดรถและให้เรียกตำรวจมาเป็นพยาน
3. การยึดรถถ้าผู้เช่าซื้อไม่ยินยอมให้ยึดรถ ไฟแนนซ์จะยึดรถไม่ได้ ถ้ามีการบังคับขู่เข็ญหรือไล่ให้ผู้เช่าซื้อลงจากรถหรือกระชากกุญแจรถ ไป หรือเอากุญแจสำรองมาเปิดรถและขับหนีไป การกระทำดังกล่าวมีความผิดต่อ เสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 และถ้ากระทำการโดยมีอาวุธหรือร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะฉะนั้นถ้ามีคนกระทำการดังกล่าวให้ถ่าย รูปหรือบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งความดำเนินคดีอาญา หรือให้ทนาย ฟ้องศาลได้เลย
4. เมื่อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ไม่ควรให้ไฟแนนซ์ยึดรถ ยืนยันได้เลยว่าไม่ควรให้ไฟแนนซ์ยึดรถไม่ว่าในกรณีใดๆ เพราะถ้าถูกยึดรถแล้วเราก็จะหมดอำนาจต่อรอง และหลังจากยึดรถไปแล้วไฟแนนซ์จะ นำรถของเราไปขายทอดตลาดในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดมาก แถมเมื่อได้เงินมาไม่ เพียงพอกับค่าเช่าซื้อที่เราค้างชำระ ไฟแนนซ์ก็จะเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้จากเรา แต่ถ้ารถยังอยู่ในความครอบครองของเรา เรายังสามารถใช้ประโยชน์ในทรัพย์ได้ (พูดง่ายๆ ก็คือใช้รถหาเงินได้อยู่นั่นเอง) และยังมีอำนาจต่อรองกับไฟแนนซ์อยู่
5. ในกรณีที่เราถูกยึดรถและไฟแนนซ์มีหนังสือแจ้งให้ชำระหนี้ส่วนที่ เหลือ อย่าตกใจให้หาทนายสู้คดี โดยทั่วไปค่าเสียหายของไฟแนนซ์มักจะสูงเวอร์ สุดๆ ยกตัวอย่างเช่น เรียกมา 1,000,000 บาท ศาลมักจะพิพากษาให้ชดใช้เพียง 500,000 บาทหรือ 300,000 บาท เท่านั้น
6. เมื่อแพ้คดีไฟแนนซ์จะต้องทำตัวอย่างไร ถ้าเรามีทรัพย์สินถือครอบครองในนามลูกหนี้เราจะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด ถ้า ไม่มีทรัพย์สินถือครอบครองในนามลูกหนี้ แต่ถือครอบครองในนามญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ไฟแนนซ์ก็ไม่สามารถยึดทรัพย์ของคนอื่น ซึ่งมิใช่ลูกหนี้ ได้ ดังนั้นถ้ามีไฟแนนซ์มาข่มขู่ว่าลูกหนี้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของใคร จะยึด ทรัพย์เจ้าของบ้าน ตอบได้เลยว่าไม่ต้องกลัวเพราะตามกฎหมายไม่สามารถยึดได้
7. ถ้าไม่มีเงินจ่ายไฟแนนซ์จะติดคุกหรือไม่สามารถตอบได้เลยว่า ไม่ติดคุกเนื่องจากเป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา
สุดท้ายการเป็นหนี้ไฟแนนซ์ ไม่ต้องลาออกจากงาน เพราะไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน การเป็นหนี้สิน เป็นเรื่องส่วน ตัว ไฟแนนซ์นำเรื่องส่วนตัวไปประจานให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาของ ลูกหนี้รับรู้ไม่ได้ ถือว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาท (เรายังสามารถฟ้องได้อีก) แต่ถึงยังไงข้อมูลเหล่านี้ให้รู้เอาไว้เพื่อที่เราจะได้ไม่โดนข่มขู่จนหลง เชื่อ และเสียเปรียบ แต่อย่าเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควรครับ
รีไฟแนนซ์รถยนต์อย่างไรให้คุ้มค่า ได้เงินก้อนเหลือใช้กลับมา
การรีไฟแนนซ์รถ คืออะไร
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ มีลักษณะคล้ายกับการรีไฟแนนซ์บ้าน คือการที่ผู้เช่าซื้อรถยนต์ได้ทำการกู้เงินก้อนใหม่เพื่อไปใช้หนี้ก้อนเก่าซึ่งอาจจะได้ประโยชน์ที่ดีกว่าเดิม ได้ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ หรือได้ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม ก่อนที่เราจะปิดบัญชีเพื่อนำรถมารีไฟแนนซ์ใหม่ผู้เช่าซื้อต้องคำนวณว่า ดอกเบี้ยคงเหลือตามสัญญากู้เดิมเมื่อนำมาหักส่วนต่างดอกเบี้ยที่จะทำการกู้ใหม่ว่าคุ้มหรือเปล่าไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์ที่เดิมหรือที่ใหม่ เมื่อธนาคารพิจารณาอนุมัติให้จัดทำสินเชื่อใหม่ก็เริ่มผ่อนชำระใหม่ โดยเริ่มนับเวลาใหม่เป็นการชำระเดือนที่ 1 ไปจนครบงวดที่กำหนดไว้
ตัวอย่างเช่น
นาย ก. ซื้อรถยนต์ 800,000 บาท ดาวน์ไปแล้ว 200,000 บาท ต้องผ่อนอีก 600,000 บาท
ธนาคารคิดดอกเบี้ย 4% ต่อปี ระยะผ่อนชำระ 7 ปี (84 เดือน)
ดอกเบี้ยที่เราต้องส่งตลอด 7 ปี คือ 600,000 x 4% = 24,000 x 7 ปี = 168,000 บาท
ทำให้มีเงินที่ต้องผ่อนชำระคืนธนาคารทั้งหมด 768,000 บาท ผ่อนชำระ 84 เดือน
เท่ากับ ต้องผ่อนชำระรถยนต์เดือนละ 768,000/84 = 9,143 บาท
เมื่อเราผ่อนรถยนต์ไปเป็นเวลา 3 ปี รถคันนี้จะเหลือวงเงินค้างธนาคารอยู่ 270,852 บาท (600,000 - (9,143 x 36) = 270,852 บาท)
แต่เมื่อให้ธนาคารลองประเมินราคารถของเรา รถของเราอาจจะสามารถรีไฟแนนซ์ได้ในราคา 600,000 บาท เเละเมื่อยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ใหม่ นาย ก. ก็จะเหลือเงินที่เป็นส่วนต่างอยู่ 129,148 บาท (ยอดใหม่ - ยอดค้างเดิม = 600,000 - 270,852 = 329,148 บาท)
ทำไมเราต้องรีไฟแนนซ์รถยนต์
การทำแบบนี้เป็นขั้นตอนที่ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายลดลง เหลือเงินก้อนหมุนเวียนเพื่อใช้จ่าย เป็นอีกทางเลือกดีๆ ของหลายคนที่กำลังผ่อนรถอยู่ในปัจจุบัน และข้อดีอีกอย่างของการรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือเป็นการกู้เงินที่ดีกว่ากดเงินสดจากบัตรเครดิต เพราะดอกเบี้ยนั้นถูกกว่ามาก โดยดอกเบี้ยของการรีไฟแนนซ์รถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 3 – 5 % ส่วนดอกเบี้ยของบัตรเครดิตอยู่ที่ประมาณ 20% ขึ้นไป
เตรียมตัวรีไฟแนนซ์รถ
หลายคนอยากรีไฟแนนซ์รถยนต์แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นแบบไหนดี เรามาดูกันว่าถ้าอยากจะรีไฟแนนซ์รถยนต์นั้น เราสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ซึ่งแบ่งได้เป็นสองกรณี ได้แก่
1.กรณีอยู่ระหว่างผ่อนชำระ
สามารถรีไฟแนนซ์ได้กับธนาคารเดิม หรืออาจจะรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ก็ได้
รีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่
ข้อดี
ดอกเบี้ยมีโอกาสถูกกว่าธนาคารเดิม
ยื่นกู้ได้ง่ายขึ้น เพราะธนาคารใหม่มีโอกาสให้เงื่อนไขดีกว่าธนาคารเดิม
ข้อเสีย
หลังจากย้ายธนาคารจะต้องเสียค่าโอนเล่ม ค่าตรวจสภาพรถยนต์ ค่าอากรแสตมป์อีกรอบ ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
รีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม
ข้อดี
การรีไฟแนนซ์ที่เดิม มีโอกาสผ่านง่ายกว่าที่ใหม่หากมีประวัติในการผ่อนชำระดี
ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องเสียค่าโอนย้ายกรรมสิทธิ์
ข้อเสีย
เพราะเป็นธนาคารเดิมทำให้อาจไม่ได้ทางเลือกที่ดีที่สุด
2. กรณีผ่อนชำระเสร็จเรียบร้อยแล้ว
มีรถที่ปลอดภาระและต้องการนำมาขอกู้เงินเรียกว่าการ “จำนำทะเบียน” โดยสามารถนำเล่มทะเบียนไปค้ำประกันได้ จากนั้นก็ขอกู้เงินแบบไม่ต้องเปลี่ยนชื่อในเล่มทะเบียน หรืออีกแบบคือการขอกู้จากธนาคารด้วยการยอมเปลี่ยนชื่อในเล่มทะเบียน
ส่วนขั้นตอนในการยื่นรีไฟแนนซ์นั้นสามารถทำได้ด้วยตนเองนั้น สามารถทำผ่านดีลเลอร์ของธนาคารก็ได้เช่นกัน
รีไฟแนนซ์รถยนต์ให้คุ้มค่า ควรรู้อะไรอีกบ้าง
ปัจจัยเกี่ยวกับรถยนต์
รถยนต์ที่รีไฟแนนซ์ไม่ได้ หรือได้แต่ได้ยอดน้อยมาก มักเป็นรถที่อายุเกิน 16 ปี และรถยนต์ที่รีไฟแนนซ์ได้ราคาค่อนข้างดี คือ รุ่นยอดนิยม เช่น Honda, Toyota, BMW, Benz เป็นต้น
อุปสรรคที่พบในผู้กู้
ในฐานะผู้กู้เองก็มีอุปสรรคบางอย่างที่อาจพบได้ เช่น ฐานเงินเดือนน้อย หรือมีการติดเครดิตบูโร ทำให้ได้ยอดเงินที่ไม่สูงมาก เอกสารไม่ครบ หรือเพิ่งทำงานได้ไม่นานทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือไม่เพียงพอ
นำส่วนต่างจากการรีไฟแนนซ์มาต่อยอด
ถ้ามีเงินส่วนต่างที่เหลือจากการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ก็สามารถนำมาต่อยอดลงทุนได้ เช่น ซื้อกองทุนรวม หรือเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง เป็นต้น
เข้าใจว่ารีไฟแนนซ์รถยนต์นั้น มีความแตกต่างจากรีไฟแนนซ์บ้าน
ควรลองประเมินมูลค่ารถยนต์ดูก่อนว่ามูลค่ารถยนต์ในปัจจุบันของคุณมากกว่ายอดติดจำนองหรือเปล่า เพราะการรีไฟแนนซ์รถยนต์มีข้อที่แตกต่างจากการรีไฟแนนซ์บ้าน นั่นคือเมื่อเวลาผ่านไปมูลค่ารถยนต์จะค่อยๆ ลดลง แต่มูลค่าบ้านอาจจะเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เมื่อถูกประเมินหลักทรัพย์ค้ำประกัน รถยนต์อาจมีมูลค่าน้อยกว่ายอดติดจำนอง จนทำให้เราไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง "ยอดหนี้ตัวรถยนต์" กับ "มูลค่ารถยนต์ที่ขอสินเชื่อได้ในเวลาปัจจุบัน" แล้วไม่คุ้มค่า เช่น
ยอดหนี้ตัวรถยนต์ 600,000 บาท
มูลค่ารถยนต์ที่ขอสินเชื่อได้ในเวลาปัจจุบัน วงเงิน 400,000 บาท
ทำให้เห็นว่า มูลค่ารถยนต์ที่ขอสินเชื่อได้ มียอดที่น้อยกว่าทำให้มีส่วนต่างที่ติดลบอยู่ 200,000 บาท และต้องขาดทุนเพิ่มเมื่อจะทำการรีไฟแนนซ์รถยนต์คันนี้

การคมนาคม
ลพบุรีอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวก สามารถเดินทางสู่ตัวจังหวัดได้หลายวิธี
- ทางรถไฟ มีทางรถไฟสายเหนือ (กรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่)
ในระบบรางคู่ถึงตัวจังหวัด และผ่านไปสู่ภาคเหนือ และในอนาคตอันใกล้กำลังจะมีการดำเนินการสร้างทางรถไฟรางคู่ต่อจากลพบุรีขึ้นไปทางเหนือ (ลพบุรี-ปากน้ำโพ)
ทางรถยนต์ (การเดินทางจากจังหวัดต่างๆ มายังจังหวัดลพบุรี)
ใช้ถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 จาก กรุงเทพ-สระบุรี-ถึงลพบุรี เป็นระยะทาง 153 กิโลเมตร
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 311 (แยกต่างระดับสิงห์บุรีใต้)เพื่อเข้า ทางอ.ท่าวุ้ง-ลพบุรี
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 334 ข้ามสะพานต่างระดับอ่างทอง แล้วตรงไปจะเข้าทางหลวงหมายเลข 3267 ขับมาเรื่อยๆจะพบสี่แยก ให้เลี้ยวซ้าย เข้าทางหลวงหมายเลข 3196 เพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.บ้านแพรก-ลพบุรี
- จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 (ลพบุรี-ปทุมธานี) หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 32 จาก อยุธยา-อ.บางปะหัน(ข้ามแยกต่างระดับบางปะหัน) ไปตาม ทางหลวงหมายเลข 347 จนถึง อ.มหาราช (ก็สิ้นสุดทางหลวงหมายเลข 347) แล้วไปเชื่อมทางหลวงหมายเลข 3196 ผ่าน อ.บ้านแพรก เข้าสู่ ลพบุรี
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 สระบุรี-อ.เฉลิมพระเกียรติ-แยกพุแค-อ.พระพุทธบาท-ลพบุรี
มีอยู่ 2 เส้นทาง ดังนี้
- เส้นทางที่1 ใช้ทางหลวงหมายเลข 2068 ผ่าน อ.ขามทะเลสอ เข้าทางหลวงหมายเลข 2148 ผ่าน อ.ด่านขุนทด แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 201(สีคิ้ว-ชัยภูมิ) จะถึงสามแยก แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2256 ผ่านอ.ท่าหลวง แล้วเชื่อมถนนสุรนารายณ์ ให้ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 จะพบสี่แยกม่วงค่อม แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่านอ.โคกสำโรง จะพบสี่แยกไปรษณีย์(อ.โคกสำโรง) ให้ตรงไปเข้าถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่ ลพบุรี
- เส้นทางที่2 จากนครราชสีมา ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (AH12) ผ่านอ.สูงเนิน-อ.สีคิ้ว-อ.ปากช่อง-อ.มวกเหล็ก-อ.แก่งคอย ขับมาเรื่อยๆ จะพบสะพานต่างระดับแยกบายพาสเลี่ยงเมืองสระบุรี เบี่ยงซ้ายใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 362 (เลี่ยงเมืองสระบุรีด้านทิศตะวันออก) ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 362 จนถึงต่างระดับแพะโคก(ด้านทิศเหนือ) แล้วเลี้ยวขวาไปตาม ทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเข้าถนนพหลโยธินสาย สระบุรี-ลพบุรี
- จากจังหวัดชัยภูมิ
จากชัยภูมิ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 จนถึง อ.จัตุรัส เลี้ยวขวาที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติเทศบาลจัตุรัส เข้าทางหลวงหมายเลข 2179 ถึง อ.บำเหน็จณรงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2069 จนถึง สี่แยกทางหลวงหมายเลข 205 (ถนนสุรนารายณ์) เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่าน อ.เทพสถิตย์-อ.ลำสนธิ แล้วเข้าสู่ สี่แยกอ.ชัยบาดาล แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 มุ่งหน้าสู่ลพบุรี
จากเพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 (ถนนคชเสนีย์) ผ่าน อ.หนองไผ่-อ.วิเชียรบุรี-อ.ศรีเทพ เมื่อผ่านอ.ชัยบาดาล ตรงมาจะพบสี่แยก ม่วงค่อม แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 205 มุ่งหน้าสู่ อ.โคกสำโรง-ลพบุรี
มีอยู่ 4 เส้นทาง ดังนี้
- เส้นทางที่1 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ-ชัยนาท-อ.อินทร์บุรี- เมื่อเข้าสิงห์บุรี จะพบทางแยกต่างระดับ(แยกต่างระดับสิงห์บุรีใต้) ให้เลี้ยวซ้าย ออกไปตามทางหลวงหมายเลข 311 เพื่อไปอ.ท่าวุ้ง-ลพบุรี
- เส้นทางที่2 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ ขับมาเรื่อยๆจะพบสะพานต่างระดับ(แยกเข้าชัยนาท) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธินAH1)ผ่าน อ.ตาคลี-อ.ตากฟ้า-อ.หนองม่วง-อ.โคกสำโรง แล้วมุ่งหน้าสู่ลพบุรี
- เส้นทางที่3 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ ขับมาเรื่อยๆจะพบสะพานต่างระดับ(แยกเข้าชัยนาท) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธินAH1) ขับมาตามทางหลวงหมายเลข 1 เรื่อยๆจะพบสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3196 (เลียบคลองชลประทาน) ผ่านทางลอดใต้สะพาน (ใต้ทางหลวงหมายเลข11) ตรงไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3196 จะเข้าสู่ บ้านจันเสน-ผ่านสี่แยกเข้าอ.บ้านหมี่ ให้ตรงไป มุ่งหน้าสู่ ลพบุรี
- เส้นทางที่4 จากจังหวัดนครสวรรค์ มาตามถนนพหลโยธิน จะพบกับสี่แยกค่ายจิรประวัติ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3004 (จิรประวัติ-ท่าตะโก) ผ่านตลาดสถานีรถไฟนครสวรรค์ มาตามทางหลวงหมายเลข 3004 เรื่อยๆจะพบกับสามแยก(ก่อนถึงอ.ท่าตะโก) แล้วเลี้ยวขวามาตาม ทางหลวงหมายเลข 1145 จนถึง 3 แยกหอนาฬิกาอ.ตากฟ้า แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพหลโยธินAH1 เพื่อไป จังหวัดลพบุรี
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางคมนาคมสายสำคัญซึ่งตัดผ่านจังหวัดข้างเคียง คือ เส้นทางรถไฟสายอีสาน และทางหลวงแผ่นดินหมายเลขที่ 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดที่มีเขตติดต่อกันคือจังหวัดสระบุรี และยังมีถนนสายเอเชียตัดผ่านจังหวัดที่มีเขตติดต่อกันคือจังหวัดสิงห์บุรี
ถนนสายสำคัญในจังหวัด
ระยะทางจากอำเภอเมืองลพบุรีไปยังอำเภอต่าง ๆ
- อำเภอท่าวุ้ง ระยะทาง 15 กิโลเมตร
- อำเภอบ้านหมี่ ระยะทาง 32 กิโลเมตร
- อำเภอโคกสำโรง ระยะทาง 35 กิโลเมตร
- อำเภอพัฒนานิคม ระยะทาง 51 กิโลเมตร
- อำเภอหนองม่วง ระยะทาง 54 กิโลเมตร
- อำเภอสระโบสถ์ ระยะทาง 65 กิโลเมตร
- อำเภอโคกเจริญ ระยะทาง 77 กิโลเมตร
- อำเภอท่าหลวง ระยะทาง 83 กิโลเมตร
- อำเภอชัยบาดาล ระยะทาง 97 กิโลเมตร
- อำเภอลำสนธิ ระยะทาง 120 กิโลเมตร
ระยะทางจากจังหวัดลพบุรีไปยังจังหวัดใกล้เคียง
- ลพบุรี-สิงห์บุรี ระยะทาง 33 กิโลเมตร
- ลพบุรี-อ่างทอง ระยะทาง 45 กิโลเมตร
- ลพบุรี-สระบุรี ระยะทาง 46 กิโลเมตร
- ลพบุรี-ชัยนาท ระยะทาง 86 กิโลเมตร
- ลพบุรี-อยุธยา ระยะทาง 91 กิโลเมตร
- ลพบุรี-นครสวรรค์ ระยะทาง 129 กิโลเมตร
- ลพบุรี-กรุงเทพฯ ระยะทาง 153 กิโลเมตร
- ลพบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 195 กิโลเมตร
- ลพบุรี-ชัยภูมิ ระยะทาง 230 กิโลเมตร
- ลพบุรี-เพชรบูรณ์ ระยะทาง 236 กิโลเมตร